น้ำมันปลา & น้ำมันตับปลา เลือกทานแบบไหนเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
น้ำมันปลา & น้ำมันตับปลา เลือกทานแบบไหนเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด น้ำมันตับปลาและน้ำมันปลา เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดอาการปวด บวม และอักเสบตามข้อต่าง ๆ ของร่างกายได้ พร้อมทั้งยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่าน้ำมันตับปลาและน้ำมันปลามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และในบทความนี้น้องดูดีกับพี่เฮลตี้จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยเหล่านี้กัน ตามมาดูกันได้เลย
ความแตกต่างของน้ำมันตับปลาและน้ำมันปลา
น้ำมันตับปลาและน้ำมันปลามีความแตกต่างสำคัญกันอยู่ที่ปริมาณของ กรดไขมัน EPA (Eicosatetraenoic Acid) ที่ช่วยลดอาการปวด บวม และการอักเสบตามข้อต่าง ๆ ในร่างกายและกรดไขมัน DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้มีความจำดีขึ้น ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ประกอบอยู่ภายในของน้ำมันทั้งสองชนิดนั่นเอง โดยที่
น้ำมันตับปลา เป็นน้ำมันที่สกัดจากตับของปลาทะเลเป็นส่วนใหญ่ จะมีปริมาณ EPA อยู่ประมาณ 9% และมีปริมาณ DHA อยู่ประมาณ 14% นอกจากนี้น้ำมันตับปลายังประกอบด้วย วิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงสายตา และวิตามินดี ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น
น้ำมันปลา เป็นน้ำมันที่สกัดจากเนื้อของปลาทะเล โดยมีปริมาณ EPA อยู่ที่ 18% และมีปริมาณ DHA อยู่ที่ประมาณ 12%
เลือกทานอย่างไรให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
สำหรับการจะเลือกทานน้ำมันตัวไหนดีนั้น เราควรดูว่าต้องการบำรุงส่วนไหนของร่างกายมากที่สุด หากเราเน้นการลดอการปวด บวม และอักเสบตามข้อ ก็ควรเลือกทานน้ำมันตับปลา แต่ถ้าหากเราต้องการบำรุงสมองก็ควรเลือกทานน้ำมันปลามากกว่า แต่ทั้งนี้เราก็ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายด้วยนะ